ชุ่มฉ่ำสายธาร ดูดอกไม้บานบนลานหิน ที่..ภูหินร่องกล้า
สวัสดีครับ หายหน้าหายตาไปเป็นเดือนเลย ช่วงนี้ยุ่งจริงๆ เลยไม่ค่อยมีเวลามาโพสต์เท่าไหร่
ครั้งนี้เอารูปจาก
ทริปภูหินร่องกล้า - น้ำตกหมันแดง
มาฝากครับ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 14:11:41]
Page
1
[
2
]
Comment : 1
ทริปนี้เนื่องจากปริมาณผู้ร่วมเดินทางน้อย ผมและเพื่อน รวม 3 ชีวิต เลยต้องงัดอาชีพเก่าขึ้นมาใช้
โบกครับโบก โบกรถไปเรื่อยๆ
เราเริ่มต้นจากการเดินทางโดยรถทัวร์จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 มุ่งหน้าสู่ จ.พิษณุโลก
กันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ไปถึงขนส่งเมืองพิษณุโลก ก็ตี 4 กว่าๆ จากนั้นก็ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ
พิษณุโลก-นครไทย เที่ยวแรกที่ออกตั้งแต่ตี 5 ถึง อ.นครไทยราวๆ 7 โมง
จากนั้นเราก็จ้างรถสามล้อให้ไปส่งที่ทางแยกที่จะมุ่งหน้าสู่ อช.ภูหินร่องกล้า
ว่าแล้วเราก็เริ่มตั้งฐานทัพโบกกันที่นี่แหละครับ และนี่คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้
ดูซิว่าเราโบกไปที่ไหนกันมาบ้าง
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 14:14:45]
Comment : 2
เริ่มต้นกันที่นี่ก่อนเลยครับ
ลานหินแตก
บนลานหินสีเทา ที่กว้างขวางกว่า 40 ไร่แห่งนี้ มีรอยแตกเป็นร่องลึก
มากมาย กระจัดกระจายทั่วลานหิน
บางร่องแตกพอที่จะข้ามไปได้ แต่บางร่องก็แตกกว้าง และลึกจนต้องทำสะพานข้ามกันอย่างที่เห็น
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 14:35:48]
Comment : 3
ดูรอยแตกกันชัดๆ อีกที
บนลานหินแห่งนี้มีรอยแตกกระจายอยู่ทั่วไป มีการเก็บสถิติว่าร่องหินที่แตกลึกที่สุดนั้น มีความลึกถึง 20
เมตร และกว้างถึง 2 เมตร เลยทีเดียว
ใครจะมาเดินเที่ยวก็คงต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 14:42:29]
Comment : 4
ด้วยรูปลักษณ์อันแปลกตาของลานหินแห่งนี้ ทำให้ใครๆ ต่างพากันเรียกหินของที่นี่ว่า
หินร่องอ้า
ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็น
ภูหินร่องกล้า
ดังปัจจุบัน ดังนั้นที่มาของชื่อภูหินร่องกล้าแห่งนี้
จึงมีที่มาจากลานหินแห่งนี้นั่นเอง
ลานหินแห่งนี้เคยถูกบันทึกลงในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ ในนามของ
ลานหินเลือด
ในปี พ.ศ.2515
ระหว่างการสู้รบของ
ฝ่ายรัฐบาล กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ
ผกค.
การสู้รบในครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นำมาสู่ที่มาของ
ลานหินเลือด
แห่งนี้นั่นเอง
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:03:10]
Comment : 5
ในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ เป็นช่วงที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้ เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสีสันสดใส
เอื้องนวลจันทร์ หรือเอื้องดินลาว
สีเหลืองสด ที่ออกดอกบานสะพรั่งรับสายฝนในฤดูกาลนี้
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:18:34]
Comment : 6
ดอกเอนอ้าขน
ก็เป็นอีกพันธุ์ไม้หนึ่งที่มีมากในช่วงนี้
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:21:48]
Comment : 7
ดอกเทียนน้อย
สีชมพูหวานยามต้องแสง
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:27:52]
Comment : 8
ชมดอกไม้กันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่
และรถที่จะนำเราเดินทางสู่
น้ำตกหมันแดง
1 ในน้ำตกในฝันของนักเดินทางหลายคน
หนึ่งในอนุสรณ์จากการสู้รบบนภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าที่ทำการอุทยานฯ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:38:39]
Comment : 9
จุดเริ่มต้นของการเดินเท้าเข้าสู่
น้ำตกหมันแดง
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ออกไปราว 22 กม.
ตามเส้นทางสู่ อ.หล่มสัก
การเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกหมันแดงใช้เวลาค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวควรมาแต่เช้า
และต้องเตรียมน้ำ และอาหารเข้าไปด้วยนะครับ ที่สำคัญต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางเสมอ
อย่าเดินเข้าไปเองนะครับ เพราะอาจหลงทางได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
ในภาพ คือ ปากทางเข้าสู่เส้นทางเดินเท้าไปยังน้ำตกหมันแดง ( ดูแทบไม่ออกเลยว่าเป็นทางเข้าตรงไหน
)
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 15:47:57]
Comment : 10
เดินเท้าเข้าป่า มาได้ระยะหนึ่ง เราก็มาพบกับ พันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง
ซึ่งในประเทศไทยพบที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ
เฟิร์นซิกแซก หรือเฟิร์นใบศร
เฟิร์นซิกแซก หรือเฟิร์นใบศร
ถูกค้นพบครั้งแรก เมื่อปี 2538 จัดเป็นพันธุ์ไม้หายาก
ที่พบที่นี่แห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้นนะครับ
ความพิเศษของพันธุ์ไม้ชนิดนี้ก็ คือ มีก้านใบอยู่ที่ด้านบนของใบ แตกต่างไปจากเฟิร์นชนิดอื่น
ที่ปกติจะต้องมีก้านใบอยู่ที่ด้านล่าง
ดังนั้น เมื่อไปชมเฟิร์นชนิดนี้ จะเห็นได้ว่าด้านบนที่หงายออกนั้น
มีหน้าตาเหมือนด้านล่างในเฟิร์นชนิดอื่น ขณะที่ด้านล่าง เมื่อไม่มีก้านใบ ทำให้หน้าตาของมัน
เหมือนด้านบนในเฟิร์นชนิดอื่น ( เข้าใจกันมั๊ยเนี่ย 555 )
ดูกันชัดๆ อีกทีจะได้เข้าใจ นี่คือ ด้านบน
และนี่คือ ด้านล่าง
แปลกมะ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:03:10]
Comment : 11
เดินต่อไปอีกซักระยะ ก็เข้าสู่เนินมหาโหดของที่นี่ เป็นเนินที่มีความชันมากๆ
ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นเนินวัดใจก่อนจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางที่หมันแดงเลยทีเดียว
เมื่อลงจากเนินมาได้ เราก็มาถึงจุดแวะพัก ชมวิวทิวทัศน์
เบื้องหน้าของเรา คือ
ภูลมโล
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:17:42]
Comment : 12
ภูลมโล
เป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงของ อช. มีความสูง ถึง 1,614 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ในอดีตยอดภูที่มีความสูงนี้ เคยถูกใช้เป็นที่ตั้งของฐานปืนใหญ่ ที่ใช้ยิงเข้าใส่ภูหินร่องกล้า
และเป็นจุดที่มีการสู้รบรุนแรงที่สุดจุดหนึ่งในสมรภูมิแห่งนี้
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:26:08]
Comment : 13
เดินลัดเลาะต่อมาซักระยะ ที่สุดเราก็มาถึง
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 1
สายน้ำจาก
น้ำตกหมันแดง
นี้ เป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำ
ลำน้ำหมัน
ที่ไหลผ่าน จ.เลย
ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงนั่นเอง
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:40:47]
Comment : 14
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 2
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:43:35]
Comment : 15
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 3
ชั้นนี้มีแสงเยอะมาก เลยถ่ายภาพของน้ำตกแบบเกรี้ยวกราดมาฝากแทน
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:46:45]
Comment : 16
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 4
น้ำตกชั้นนี้สวยดี เลยเก็บภาพมาฝากเยอะหน่อย
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:51:44]
Comment : 17
และก็มาถึง
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 5
ชั้นที่หลายคนบอกว่าสวยที่สุด แต่อยากบอกว่าถ่ายได้ยากมาก
เพราะละอองน้ำเยอะมาก ซ้ำช่วงเวลาที่ผมไปยังมีแสงส่องลงมา ทำให้ถ่ายได้ยากขึ้นอีก
ภาพที่ได้มาจึงอาจไม่ค่อยสวยดั่งใจเท่าไหร่
ปกติแล้ว ที่น้ำตกชั้นที่ 5 นี้ ในช่วงเดือน สิงหาคม จะมีกอของดอกลิ้นมังกร สีชมพูสวยบานสะพรั่ง
แต่เนื่องจากพวกผมมากันช้าไป เจ้าดอกลิ้นมังกร มันรอพวกผมไม่ไหวเลยเหี่ยวไปซะก่อน อดได้มุมสวยๆ
ของน้ำตกกับดอกลิ้นมังกรเลย ว้า! แย่จัง
จำไว้นะครับใครที่อยากจะมาดูดอกล้นมังกรด้วย ควรจะมาช่วงกลางเดือนสิงหาคม จะดีที่สุด
เพราะเจ้าดอกไม้นี้บานไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำก็จะเริ่มเฉาแล้วครับ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 16:59:26]
Comment : 18
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 6
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 7
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:08:49]
Comment : 19
น้ำตกหมันแดง ชั้นที่ 8
ชั้นนี้เป็นอีกชั้นหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าสวยงามกว่าชั้นอื่นๆ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:17:51]
Comment : 20
อีกมุมหนึ่งของน้ำตกชั้นที่ 8
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:21:06]
Comment : 21
มาดูดอกไม้ที่พบ ริมลำธารกันซักหน่อย ก่อนกลับจากน้ำตก
นี่แหละ หน้าตาของเจ้า
ดอกลิ้นมังกร สีชมพู
ที่ว่า ทว่าตอนนี้มันเริ่มเฉาเสียแล้ว
แถมเหลืออยู่แค่ 2 ดอกแค่เนี้ยะ
อันนี้ดอกอาไร ไม่รู้แฮะ ??
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:30:40]
Comment : 22
ออกมาจากป่ากันแล้ว
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:34:15]
Comment : 23
พอออกจากป่ามาได้ พวกเราก็ขึ้นรถกลับที่ทำการอุทยานฯ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่
ก็มาพวกเรามาแวะเที่ยวกันอีกหนึ่งจุด ที่...
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:38:44]
Comment : 24
กระท่อมปีกไม้ 31 หลัง ท่ามกลางความร่มรื่นของไม้ใหญ่ ที่นี่
โรงเรียนการเมืองและการทหาร
ศูนย์กลางทางความคิดของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่อบรมให้การศึกษาตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์และเป็นกองบัญชาการของหัวหน้าหน่วย
ผกค. ประกอบไปด้วยบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร สถานพยาบาล บ้านพัก และโรงพิมพ์ขนาดเล็ก
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 17:54:20]
Comment : 25
บ้านพักนายคำหลาย
1 ในนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่หลบหนีเข้ามารวมตัวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เป็นผู้ควบคุมดูแลเรื่องอาวุธ
ซากรถแทรกเตอร์ ของบริษัทพิฆเนศ ซึ่งถูก ผกค. ยึดมาระหว่างการตัดถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย
โดยนำลูกปืนล้อรถไปใช้ในการสร้าง
กังหันน้ำ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:03:43]
Comment : 26
บริเวณฝั่งตรงข้าม เยื้องกับ
โรงเรียนการเมืองและการทหาร
ไปเล็กน้อย
เป็นที่ตั้งของ
กังหันน้ำ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:09:23]
Comment : 27
กังหันน้ำ
ชิ้นนี้ ถูกออกแบบโดยโดยนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ที่หนีจากกรุงเทพฯ
มาเข้าร่วมกับ
ผกค. หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นการรวมเอาธรรมชาติ กับหลักวิชาการ และอุปกรณ์เท่าที่หาได้
มาใช้ให้เกิดประโยชน์
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:21:02]
Comment : 28
หลักการทำงาน
ของมันก็คือ ผันน้ำจากน้ำตกเล็ก ๆ ผ่านรางน้ำ ที่ทำจากไม้มายังตัวกังหัน
แล้วอาศัยแรงน้ำหมุนกังหันที่ต่อเข้ากับครกกระเดื่องตำข้าว ช่วยในการสีข้าวนั่นเอง
สายน้ำที่ถูกนำพลังการไปใช้ในการหมุนกังหัน
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:23:14]
Comment : 29
เที่ยวกันจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลา กลับเข้าสู่ที่พัก และนี่ คือ ที่พักของเราในทริปนี้ บ้านพักของอุทยานฯ
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณร้านค้า และร้านอาหาร ( ทริปนี้ขออนุญาต แนะนำที่พักหน่อยแล้วกันนะครับ )
2 ห้องนอน
1 ห้องน้ำ
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:34:32]
Comment : 30
กับอาหารมื้ออร่อย
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:37:26]
Comment : 31
ปิดท้ายวันแรกด้วยแสงสุดท้ายยามเย็น
Post by : Naitredtrei [2007-10-02 18:40:19]
Comment : 32
เช้าวันใหม่ เราตื่นไปตั้งป้อมโบกรถกันแต่เช้าตรู่ แต่ก็ต้องผิดหวัง ไม่มีรถผ่านมาซักคัน รอไปรอมา
ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่
สะพานมรณะ (ประตูวัว)
สะพานมรณะ (ประตูวัว)
เป็นช่องหินแคบๆ มีประตูไม้กันไว้เพื่อให้วัวผ่านได้ทีละตัว
เมื่อเดินเข้าทางด้านขวาจะพบสะพานหินธรรมชาติสวยงาม ซึ่งมีชื่อว่า
สะพานมรณะ
ที่เรียกว่าสะพานมรณะ ก็เพราะว่า ในอดีตเมื่อทหารไทย เมื่อบุกขึ้นมาและผ่านประตูวัว ผกค.
ตั้งรบอยู่บนสะพานหินยิงทหารไทยคนแล้วคนเล่า ทหารไทยจะไม่ผ่านประตูวัวก็ไม่ได้
เพราะด้านอื่นเป็นหน้าผาทั้งสิ้น ที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า
"ประตูวัวหรือสะพานมรณะ"
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:19:51]
Comment : 33
ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะมีประวัติที่น่าเศร้าและน่ากลัว แต่ผมว่าบริเวณ
ประตูวัว-สะพานมรณะ
แห่งนี้มีมุมที่สวยงามหลายมุมซ่อนอยู่ จึงเก็บภาพที่ผมชอบ
จากบริเวณนี้มาฝากให้ชมกัน
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:25:12]
Comment : 34
จากประตูวัว-สะพานมรณะ เราโบกรถไปลงปากทางแยกเข้าสู่ ลานหินปุ่ม และผาชูธง
จากนั้นจึงเดินเท้าเข้าสู่ลานจอดรถ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของจุดหมายต่อไปของเราในวันนี้
ดินแดนแห่งโลกที่สาม
ในดินแดนแห่งโลกที่สามนี้ มีเส้นทางเดินเท้าเป็นวงกลม โดยเริ่มจาก
สุสานนักรบ ทปท. ลานหินปุ่ม
ผาชูธง ลานเอนกประสงค์ สำนักอำนาจรัฐ และหลุมหลบภัยทางอากาศ
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:29:52]
Comment : 35
เส้นทางเดินเท้าบรเวณนี้ เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้งามเต็มลานหิน ว่าแล้วก็เลยจัดภาพดอกไม้ป่า
จากข้างทางมาฝากกัน
เริ่มต้นกันด้วย ดง
ดอกเทียนน้ำ
สีชมพูสวยสด
ดอกเทียนน้ำ
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:35:41]
Comment : 36
อันนี้ต้นอะไรไม่รู้ แต่มีน้ำค้างเต็มเลย สวยดี เลยเก็บมาฝาก
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:39:51]
Comment : 37
เดินเข้ามาหน่อย ก็จะเจอกับดงของ
ดอกเอนอ้าขน
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:48:17]
Comment : 38
และอีกครั้งกับ
เอื้องนวลจันทร์ หรือเอื้องดินลาว
สีเหลืองสดใส
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:53:33]
Comment : 39
สรัสจันทร หรือหญ้าหนวดเสือ
สีม่วงสด
ส่วนอันนี้ อารูมิไรท์? อีกแล้ว ไม่รู้มันต้นอะไร แต่สีม่วงสวยดีเหมือนกัน
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 10:56:07]
Comment : 40
เปราะภู
ก็ยังพอมีเหลือให้ได้ยลโฉมกันอยู่
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:00:56]
Comment : 41
ปิดท้ายบริเวณนี้ด้วย ดง
ดอกเทียนน้ำ
กันอีกที
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:02:39]
Comment : 42
เดินกันต่อ จากปากทาง เมื่อผ่านดงดอกไม้มาแล้ว เราก็จะพบกับสถานที่แรก
สุสานทหาร ทปท. ( สุสานนักรบทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย )
ที่นี่เป็นบริเวณที่ฝังร่างทหารฝ่าย พคท. ที่เสียชีวิตบนสมรภูมิภูหินร่องกล้า ปัจจุบันเป็นป่ารก
แต่มีบริเวณที่กันไว้สำหรับวางเครื่องสักการะ เพราะยังมีชาวบ้านมาเซ่นไหว้ดวงวิญญานกันอยู่
สุสานนักรบมี 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นสุสานที่ใช้ฝังศพชาวม้งที่เสียชีวิตจากการสู้รบกับทหาร
ฝ่ายรัฐบาล
อีกส่วน คือ
สุสานของผู้กองสมวิทย์ ชาวม้งคนแรก ที่นำลัทธิคอมมิวนิสต์จากเวียดนาม
มาเผยแพร่บนภูหินร่องกล้า เป็นผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์บนภูหินร่องกล้า
เสียชีวิตจากการถูกลอบยิง ในปี พ.ศ. 2522 เนื่องจากความขัดแย้งกันภายในพรรค
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:12:18]
Comment : 43
จากสุสานทหาร ทปท. เราเดินมุ่งหน้าสู่
ลานหินปุ่ม
เส้นทางจากสุสานทหาร ทปท. สู่ลานหินปุ่มนั้น
ส่วนใหญ่เป็นผืนป่าสลับกับลานหิน ทำให้เราได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ 2 ข้างทางได้ตลอด
ทั้งธารน้ำใส
และความเขียวชอุ่มของพรรณไม้
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:22:46]
Comment : 44
ทางเดินช่วงสุดท้ายก่อนถึง
ลานหินปุ่ม
เป็นป่าทึบตลอด 2 ข้างทาง
ช่องหิน ใกล้ทางออก
และสะพานไม้ที่เชื่อมระหว่างผืนป่ากับลานหินปุ่ม
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:27:40]
Comment : 45
ถึงแล้ว
ลานหินปุ่ม
ลานหินปุ่ม
เป็นลานหินกว้าง ลักษณะคล้ายกับลานหินแตก แต่มีความแตกต่างที่ตรงบริเวณหน้าผา
ที่มีหินรูปลักษณ์แปลกตาขึ้นเป็นปุ่มกลมกระจายอยู่เต็มลานหิน
ปุ่มเหล่านี้มีลักษณะกลมมนและมีขนาดใกล้เคียงกันคือ สูงประมาณ 15-25 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางราว 30 ซม.
ณ ลานหินปุ่มแห่งนี้ ในอดีตถูกใช้เป็นสถานที่พักฟื้นของ ผกค. ที่บาดเจ็บ
เนื่องจากเป็นลานหินที่อยู่บนหน้าผาซึ่งมีลมพัดเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน และอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลของ
พคท.
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:35:12]
Comment : 46
มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะเริ่มสงสัยว่า เจ้า
ลานหินแตก และลานหินปุ่ม
มันเกิดขึ้นและมีที่มาได้อย่างไร ลองอ่านข้อมูลการเกิด
ลานหินแตก
พร้อมดูภาพประกอบ
อาจจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นครับ
ส่วน
การเกิดลานหินปุ่ม
นั้น นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า
เกิดขึ้นด้วยสาเหตุเดียวกับลานหินแตก
เพียงแต่เกิดเป็นรอยแตกขนาดเล็กจำนวนมากกว่า
ก่อนจะถูกกัดกร่อนจากน้ำและลมจนกลายเป็นปุ่มกลมมนเช่นปัจจุบัน
สรุปง่ายๆ ก็ คือว่า
เมื่อแผ่นดินเกิดการบีบอัดจากทั้ง 2 ด้าน ก็ทำให้แผ่นหินเกิดการคดโค้ง และปริแตก
เป็นรอยแยกขึ้น เกิดเป็นลานหินแตก
ขณะที่รอยแยกเล็กๆ บางรอยก็เกิดถูกการกัดกร่อนจากทั้งกระแสลม และกระแสน้ำเป็นระยะเวลานาน
รอยแยกจึงกลายสภาพไปเป็นปุ่มหิน ที่กลมมน เกิดเป็นลานหินปุ่มในที่สุดนั่นเอง
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 11:57:24]
Comment : 47
ทีนี้มาชมวิวทิวทัศน์ของผืนป่า เมื่อมองจากลานหินปุ่มกันบ้าง
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 12:08:00]
Comment : 48
ระหว่างทางจากลานหินปุ่มไปยังผาชูธง ก็มีดอกไม้เล็กๆ ไห้ได้ยลโฉมกัน
ไม่รู้ว่าดอกอะไรบ้าง ลองดูกันเอาเอง ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับ
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 12:21:30]
Comment : 49
เจ้าดอกนี้ก็คุ้นๆ แต่นึกชื่อไม่ออกอ่ะ
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 12:24:24]
Comment : 50
ถึงซะที
ผาชูธง
ผาชูธง
เป็นหน้าผาหินสูงชัน มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ในอดีต ผกค.
ใช้ที่แห่งนี้เป็นที่ประกาศชัยชนะที่มีเหนือกองกำลังของรัฐบาลด้วยการขึ้นไปชูธงแดง
ที่มีรูปค้อนและเคียวทุกครั้งที่รบชนะอันเป็นที่มาของชื่อ
ผาชูธง
ด้วยความสูงชันของหน้าผาที่ยากต่อการขึ้น จึงเป็นจุดที่มีการวางกำลังเบาบางที่สุด
การเข้ายึดพื้นที่บริเวณนี้ ทหารนาวิกโยธิน จึงต้องตอกทอยขึ้นมาตามหน้าผาแห่งนี้ด้วยความยากลำบาก
ก่อนจะเข้าโจมตี
ทุกวันนี้ผาชูธงเป็นที่ตั้งของ
ธงชาติไทย
ที่โบกสะบัด ประกาศศักดิ์ศรีสง่างามเหนือยอดภูผา
ทิวทัศน์อีกมุมหนึ่ง จากยอดผาชูธง
Post by : Naitredtrei [2007-10-03 12:30:50]
Page
1
[
2
]
Reply
Picture :
You can not Allow
register ClickHere
|
login
Not readable? Change text.
*
Name :
*
E-mail :
Tel :
ICQ :
Detail :
*
*
dentist bangkok
|
implant bangkok
|
veneer bangkok
|
implant thailand
|
dentist sukhumvit
|
dental sukhumvit
|
fast braces bangkok
|
tooth whitening bangkok
|