4 คืน 4 วัน ย่ำสิงคโปร์ มาเลเซีย แบบประหยัด
Tags:
Genting,
KL,
KLCC,
KLIA,
Malaysia,
Putrajaya,
Sentosa,
Singapore,
กัวลาลัมเปอร์,
เก็นติ้ง,
เซ็นโตซ่า,
น้ำพุ,
ปุตราจาย่า,
มาเลเซีย,
สิงคโปร์
อ่านทั้งหมด : 12348
ครั้ง โดย : budsabasu
เมื่อ : 2008-02-18 15:26:53
ในทีแรกตั้งใจว่าจะเริ่มเขียนที่นี่ ด้วยที่เที่ยวในเมืองไทย แต่แล้วเพิ่งไปฮันนีมูนกลับมาแบบ "รักทรหด" พี่ที่ทำงานก็รบเร้าให้เขียนเป็นเรื่องเป็นราวกับเค้าซักที เพราะเค้ารอจนเค้ากำลังจะออกเดินทางไปที่เดียวกันเดือนหน้าอยู่รอมร่อ ก็เลยขอหยิบยกขึ้นมาเป็นเส้นทางแรก แหวกหัวใจให้พองโต แล้วเริ่มออกเดินทางกันเลย!!
ในเมื่อตอนนี้เป็นนักเดินทางชั้นประหยัด ริหัดท่องโลกกว้าง ก็ได้ตั๋วบาทเดียวของสายการบินแอร์เอเซีย รวมค่า xxx ทั้งหลาย สนนราคาอยู่ที่ ขาไป กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 3,xxx / 2 ท่าน ขากลับ กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ 2,xxx / 2 ท่าน เป็นที่น่าพอใจ เริ่มเหินฟ้ามุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ บรื้น บรื้น แคร่ก แคร่ก ล้อสัมผัสแดนสิงโตเวลาประมาณสามทุ่ม บ้านเราก็น่าจะประมาณสองทุ่มนั่นแหละ มาเที่ยวนี้ ถึงแม้จะ(อ้างกับที่ทำงานว่า)เป็นทริปฮันนีมูน แต่ก็เป็นทริปพิสูจน์รัก อันที่จริงก็พิสูจน์มาจะเป็นร้อยแล้วละมัง ถึงกระนั้นก็ตั้งใจแล้วว่าต้องเที่ยวให้คุ้ม ดูให้เยอะ แต่กินอยู่แบบประหยัด สองสามีภรรยาจึงวางแผนที่จะเดินทางไปยัง สิงคโปร์ - มะละกา - กัวลาลัมเปอร์ - เก็นติ้ง - ปุตราจาย่า ให้ได้ภายใน 4 วัน ภายใต้งบสองหมื่นต่อสองคน เพื่อความเป็นสิริมงคลของเลขคู่ แล้วเราก็ทำได้ แฮ่ก แฮ่ก เหนื่อย แต่สนุก คุ้ม ค่า การ รอ คอย ^-^
สามทุ่มที่สนามบินยามนี้ เป็นเวลาที่ไม่เหมาะแก่การถ่ายรูปสนามบินสิงคโปร์ซักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเห็นว่าเมืองเค้าเป็นเกาะเล็ก แต่ก็จัดระเบียบสถานที่ได้เรียบร้อยสวยงามสมคำร่ำลือ แต่เราก็ได้แค่แอบชื่นชมกันอยู่ในใจ งัดกล้องขึ้นมาเก็บภาพได้เพียงเพราะเท่าที่ได้พูดแข่งกับเวลาในการหาที่นอนคืนนี้ ก็คือการสอบถามเส้นทางเท่านั้น อ่ะ อย่าเพิ่งว่ากันนะคะ ว่าไม่ได้หาที่นอนก่อนไปหรือ คือหาแล้วค่ะ แต่ราคาประหยัด และดี นอกวงเล็บ มันเต็มหมดนี่นา จนวันสุดท้ายก่อนเราออกเดินทาง ก็ยังเต็มทุกที่ เอาละนะ เราไม่ย่อท้อหรอก เดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าคืนนี้ เราจะได้ที่นอนหรือไม่ เอ๊ย !! ได้นอนที่ไหน .. เดินทางต่อ..สนามบินสิงคโปร์เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิน เดินทางสะดวกมาก อยู่ที่นี่เราจึงเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถไฟใต้ดินตลอด ว่าแล้วก็ไม่ยักเห็นรถไฟลอยฟ้า ยกเว้นที่ข้ามไปเซ็นโตซ่า ขนาดสายไฟ เค้าว่ายังเก็บลงใต้ดินหมดเลย เจ๋งง เดี๋ยวพรุ่งนี้คงได้เห็นกัน ก่อนอื่น เราไปหยิบแผนที่ตรงแผนกบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว โดยไม่ซื้อมาจากเมืองไทยตามที่เพื่อนแนะนำ เพราะว่าไปก็หลายอัฐอยู่ และไม่ลืมที่จะถามถึงทำเลที่พักว่าถ้าเราต้องการเดินไปดูตึก KL Tower ยามค่ำคืน และหาอาหารกินด้วยนั้น ควรจะเลือกไปพักย่านใดดีระหว่าง Bugis อ่านว่า บูจิส ตอนแรกเราเรียก บักอิส งงกันเป็นแถบ กับ Outram Park(เอาท์แรม พาร์ค) เนื่องจากทั้งสองสถานีนี้มีจุดเด่นทั้งคู่ Bugis เป็นที่ตั้งของ NSS hotel โรงแรมในฝันของเราชาวคนแบกกระเป๋า (backpacker) เค้าว่ามันสุดยอดทั้งด้านทำเลที่ตั้ง ราคา และห้องพักที่เหมาะแก่การนอนซักคืนสองคืนเป็นอย่างยิ่ง แต่นี่แหละที่ทำให้เราลำบาก เพราะต้องจองกันครึ่งค่อนปี ยังไม่มีว่าง เต็มตลอด ส่วน Outram Park นั้นตามแผนที่ มีโรงแรมขึ้นเป็นดอกเห็ด เราคงสามารถเดินเลือกได้เหมือนเดินอยู่ในซุเปอร์มาร์เกต จนกว่าจะได้ราคาที่เหมาะสม สาวเจ้าหน้าที่ให้การที่เป็นประโยชน์ว่า Bugis น่าจะดีกว่า เพราะคุณไม่ต้องขึ้นลง รถไฟ เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ เช่น จะไป KL Tower ก็เดินไปได้ และยังอยู่ใกล้ China Town ที่คงหาของกินได้ไม่ยาก ยกเว้นจะไป Orchard นั้นคงต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปทั้งคู่ เข้าใจแล้วเราก็ตั้งหน้าจะมุ่งออกจากสนามบินทันที โดยไม่ฟังเสียงสามีที่จิ้มบนแผนที่แทบทะลุ ว่าโรงแรมแถวนั้นมีเบาบางยิ่งกว่าหย่อมความกดอากาศต่ำ ข้าพเจ้าก็ไม่สนใจแล้วค่ะ ด้วยว่าเดินไปถึงทุกที่ และหาของกินง่าย ก็เอ๊า ลองดู การนั่งรถไฟใต้ดินออกจากสนามบินนั้น ต้องเปลี่ยนเส้นทางจากรถไฟที่วนภายใน เป็นอีกเส้นหนึ่งเพื่อออกจากสนามบิน เราไปขึ้นที่สถานี Bugis ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง พอขึ้นได้แล้วก็ขวาตลอด และตรงไปอีกเล็กน้อย ตามข้อมูลที่เราหาไว้ ก็จะถึง NSS hotel มีครอบครัวชาวเอเซีย หอบลูกหลานเข้าออกกันครึกครื้น ทั้งที่เป็นตึกเล็กๆ มีจุดสังเกต ง่ายๆ จากที่เราเดินมาก็คือบอลลูนยักษ์ DHL นั่นเอง ไม่มีหลง เมื่อไปถึงแล้ว เราก็อื้มม์ คนเยอะนะ น่านอนดี เราจึงถามพนักงานต้อนรับว่ามีห้องว่างมั๊ย คืนนี้ เค้าย้ำกลับมาอย่างตกใจว่า คืนนี้!! เต็มหมดแล้วครับ โอ้โห คำว่าเศร้า มันเสียดแทง และยังมีใบหน้างามๆ ไปถามเค้าอีกว่า ไม่มีเหลือเลยหรือ แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะคืนนี้ เค้าบอกไม่มีจริงๆ และแนะนำให้ไปหาโรงแรมข้างๆ เราจึงรีบแต๊งกิ้วๆ พัลวัน รีบจ้ำไป เมื่อไปถึงหน้าโรงแรมนั้น ก็ไม่ต้องเข้าไปถามเลย จิตใจมันห่อเหี่ยวอยู่ตรงป้ายคำว่า "FULL" เอายังงัยล่ะที่นี้ ตอนนี้คงแล้วแต่คุณสามีแล้วล่ะค่ะ เค้าคงรออยู่นาน เลยเอ่ยขึ้นมาบ้างว่า "งั้น ไป Outram", ค่ะ ด้วยใจระทึกว่าห้าทุ่มแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะได้เดินเที่ยวเล่นมั๊ย แค่จะได้ที่นอนมั๊ยคืนนี้ แทบจะยังไม่ได้คำตอบ จากสถานี Bugis ไป Outram Park ราคาโดยสารประมาณ 1 $SG หรือยี่สิบบาทกว่าๆ ก็พาเรามาถึงที่พักคืนนี้ และโดยไม่ได้นัดหมาย ที่นี่ยังเป็นที่พักของเราในคืนพรุ่งนี้ด้วย เพราะทีแรกตั้งใจอยู่ว่าอาจจะไปพักที่มะละกา ถ้าเราได้เดินเที่ยวในเมืองแล้ววันนี้ และพรุ่งนี้เช้าไปเซ็นโตซ่า ช่วงบ่ายค่อยออกเดินทางไปค้างคืนที่มะละกา แต่ด้วยความไร้เดียงสาของเราทำให้ผิดแผนไปหมด ไม่ผิดหรอกค่ะที่คุณผู้อ่าน จะออกอาการหมั่นไส้นิดๆ เพราะสามีดิชั้น ยังคิดอย่างนั้นเลย คืนนี้เราจึงหลับตาลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย (แต่แอบตื่นเต้นนิดๆ) ที่ Tropical Hotel โดยไร้ซึ่งความสวีทหวานแหวว ไม่แม้แต่จะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บสภาพห้องก่อนเข้าใช้บริการ เลยล่ะ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ทัวร์สิงคโปร์ จะโชว์ให้ดู
อาหารเช้ามื้อแรกในสิงคโปร์ ที่ทางโรงแรมระดับ 3 ดาวของเราจัดให้เป็นขนมปังปอน กระปุกแยม กระติกน้ำร้อน ซองชา และกาแฟ เราจึงกินกันพอรองท้อง ถึงแม้อาหารเช้าจะไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ กับราคาห้องพัก 120 $SG/คืน (ประมาณ 2400 บาท ราคาเมื่อ ม.ค. 51) แต่เจ้าของและพนักงาน พูดจาดี ตรงไปตรงมา ไม่โก่งรา คา เกินไปนัก ทั้งยังแนะนำการเดินทางไปเซ็นโตซ่าให้เราในเช้าวันนี้เป็นอย่างดี เราจึงเริ่มออกเดินทาง โดยแผนการของวันนี้คือ เที่ยวเซ็นโตซ่า-หาที่จองตั๋วไปมะละกา-ไปดูMerlion สัญลักษณ์สิงคโปร์-ไปดูตึก Esplanade สถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อ-และไปสัมผัสน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง บวกกับดูการยิงเลเซอร์ผ่านม่านน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย
คะแนน Vote : 56
คะแนน คุณสามารถ Vote ให้กับบทความนี้ [ คลิก
]
|