ชวนแสวงบุญ 4 ตำบล อินเดียเนปาล
สวัสดี เพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ วันนี้ขออณุญาติพี่ปองเจ้าถิ่นมาชวนเพื่อน ๆ ไปทำบุญ
ปฏิบัติธรรมกันที่ประเทศอินเดียและเนปาลค่ะ เป็นทริปราคาประหยัด เน้นทำบุญกันจริง ๆ ไม่มีกำไรแน่นอน
เดินทางวันที่ 6-13 ตุลาคมค่ะ อากาศเริ่มเย็น และหมดฝนแล้วแน่นอน
คราวก่อนเคยไปแบบแบกเป้ แต่ครั้งนี้จะพาคุณแม่ไปด้วย การจัดการคราวนี้จึงเน้นความสะดวกสบาย รถดี
มีไกด์ และมีพระวิทยากรบรรยายและนำปฏิบัติด้วย คล้ายกับทัวร์ไม่เหมือนกันแค่ตรงราคาถูกกว่าเท่านั้น
ถ้าเราไปแบบแบกเป้ก็อาจจะถูกกว่านี้ แต่คราวนี้อยากให้สบายหน่อยจะได้มีแรงทำบุญกันเยอะ ๆ
ท่านพระราชรัตนรังษี เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้กล่าวไว้ว่า
... แดนภารตะแห่งนี้มีทั้งสุขให้เราเลือก มีทั้งทุกข์ให้เราผจญ
ใครจะได้รับสุขหรือทุกข์นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการปรับสภาพของตัวเราเอง
พยายามสรรสร้างความรู้สึก นึกคิดที่ดี ๆ ต่อสิ่งที่ผ่านมากระทบ สร้างความเข้าใจต่อสิ่งนั้น ๆ
หลีกเลี่ยงความกินใจจากสิ่งที่ไม่เหมือนเรา และความยากลำบาก เข้าให้ถึงมุมเสน่หาของอินเดียให้ได้
เพราะความมีเสน่ห์แบบพิลึกกึกกือของเมืองแขกนี่เองที่ผู้ไปพบเห็นกล่าวขานกันไม่รู้จบ
ความสนุกชนิดที่คิดกันไม่ถึงก็น่าจะเป็นเสน่ห์ที่ถวิลหาไม่รู้หาย
ผู้จะจาริกอินเดียต้องพกศรัทธา พาปัญญา จูงมือความเพียร
สะสมบารมีมาให้เพียงพอต่อการใช้สอยในแต่ละวัน หากมีศรัทธาจำกัด ปัญญาจำเขี่ย มีความเพียรอย่างจำใจ
จะทำให้ผู้เดินทางอ่อนระดหยโรยแรง พลาดจากความสนุกกับสิ่งแปลกใหม่อย่างน่าเสียดาย"
ชบา
[2009-06-03 09:48:22] mail not show
Page
1
Comment : 1
บทความจาก คมชัดลึก
ทำไม ?...ชาวพุทธต้องไปแสวงบุญที่อินเดีย
ปัจจุบันนี้ มีชาวพุทธผู้ศรัทธาเริ่มเดินทางไปกราบนมัสการพุทธสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียและเนปาล
เพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงมีคำถามตามมาว่าทำไมต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปไหว้พระถึงประเทศอินเดีย
ซึ่งถ้าหากศรัทธาต่อคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ก็ไม่เห็นจะจำเป็นที่จะต้องไปไหว้พระถึงประเทศอินเดีย เพราะสถานที่ไหว้หรือทำบุญ
มีอยู่ในประเทศไทยมากมาย ทำไมต้องไปถึงประเทศอินเดียให้เสียเงินเสียทองเสียเวลาเปล่าประโยชน์
พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตตธัมโม ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้ให้เหตุผลของการเดินทางไปไหว้พระแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย
เพื่อจักให้ท่านผู้ศรัทธาได้พิจารณาถึงความเป็นจริงดังนี้
๑. เพราะอินเดียเป็นแผ่นดินที่ให้กำเนิดพระพุทธศาสนา
ซึ่งถ้าเราจะเปรียบเทียบการบำรุงต้นไม้ก็ต้องรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ก็ต้องรดน้ำที่ต้นที่ราก
ต้นไม้จึงจะเจริญงอกงาม
การที่เราไปบำเพ็ญบุญ สร้างบารมี ถ้าจะให้มีพลังและบารมีจักเจริญงอกงามได้เต็มที่ ก็ต้องไปที่อินเดีย
แดนชมพูทวีป อันเป็นดินแดนต้นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนานั่นเอง
ผู้ศรัทธาที่มีสิทธิเลือกจึงเลือกที่จะไปไหว้พระ ณ ที่กำเนิดของแท้
หรือสถานที่จริงให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
๒.
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตระหว่างบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้บำเพ็ญบารมีในแผ่นดินชมพูทวีปแห่งนี
้ การเดินทางไปที่อินเดียจึงเท่ากับว่าเป็นการได้เดินตามรอยพระพุทธเจ้า
จะได้มีโอกาสสัมผัสถึงบรรยากาศการบำเพ็ญบารมีตามแบบอย่างพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ท่านเดินทางไปมาแล้วด
้วยตนเอง
๓. การที่เราฟังพระเทศน์ก็ดี สวดมนต์ก็ดี การบรรยายก็ดี เรื่องพระพุทธศาสนา เรื่องพระพุทธประวัติ
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศอินเดียแทบทั้งสิ้น
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนักถ้าหากผู้ที่บรรยายเรื่องพระพุทธประวัติ เรื่องพระพุทธเจ้า
เรื่องธรรมบท ไม่เคยพบไม่เคยได้เห็นแดนดินถิ่นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนา ได้แต่สร้างภาพและจินตนาการ
ตามคัมภีร์และตำราที่เรียนรู้มา ซึ่งความเป็นจริงแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง
พระมหา ดร.คมสรณ์ บอกต่อไปอีกด้วยว่า การไปไหว้พระที่ประเทศอินเดีย มีการเข้าถึงเป็นประสบการณ์ตรง
ดังนี้
๑. มาถึงตา คือได้เห็นกับตาตนเอง เป็นพุทธสถานที่จริงๆ เช่นต้นพระศรีมหาโพธิ์
เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงๆ พระแท่นวัชรอาสน์ คือที่พระพุทธองค์ประทับนั่งบำเพ็ญธรรม
จนได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ในขณะเดียวกัน
ในเมืองไทยแม้จะมีพุทธสถานก็ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สร้างและจำลองขึ้นมา
๒. มาถึงหู คือได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ณ สถานที่นั้นๆ ดุจได้ย้อนเวลาในอดีต
ทบทวนความรู้ จากที่ได้เคยได้ยินได้ฟัง ณ สถานที่จริงๆ
เหมือนกับว่าได้กลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงด้วยตนเอง
๓. มาถึงที่ ได้มากราบมาไหว้สัมผัสด้วยตนเอง ซึ่งก็ไม่เหมือนกับที่ได้ดูจากภาพ จากสื่ออื่นๆ
ซึ่งสามารถสัมผัส เข้าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปถึงด้วยความลึกซึ้ง
๔. มาถึงใจ ได้สัมผัสความรู้สึกที่เกิดจากใจ ความรู้สึกที่มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
บางท่านเกิดความเอิบอิ่มใจ เกิดปีติ น้ำตาไหลโดยไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากใจ
อันเป็นความรู้สึกจากภายใน ซึ่งความรู้สึกนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อได้มาสัมผัสด้วยใจตนเอง ณ สถานที่จริงๆ
เท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว พระมหา ดร.คมสรณ์ ยังยกเนื้อความในมหาปรินิพพานสูตร
ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังสังเวชนียสถาน ๔ สถาน เหล่านั้นแล้วมีจิตเลื่อมใส
ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่กายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ซึ่งเป็นพระดำรัสตรัสสั่งเสียฝากพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชนผู้ระลึกถึงพระองค์ได้เดินทางมากราบสักการะสถานท
ี่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่ทรงแสดงปฐมเทศนาและที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน และทรงรับรองว่า
หากท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้มากราบสถานที่เหล่านี้ด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ย่อมมีสุคติ คือ
โลกสวรรค์เป็นโลกเบื้องหน้า ก็เท่ากับว่าท่านที่เดินทางมาไหว้พระที่อินเดีย
ได้สร้างหลักประกันให้กับตนคือ การประกันด้วยโลกสวรรค์เป็นภพเบื้องหน้าไว้ในจิตใจตนเองนั่นเอง
ดังนั้นผู้ที่มีโอกาส มีเวลาจึงไม่ควรรีรอที่จะไปไหว้พระ แสวงบุญ ณ ประเทศอินเดีย
ชบา
[2009-06-03 09:54:05] mail not show
Comment : 2
โปรแกรมการเดินทางศึกษาจากโปรแกรมของทัวร์หลาย ๆ ที่ เอามาปรับ ๆ ดูให้เหมาะสม ชบาพิมพ์มาให้ดูใหม่
ที่ต้องทำละเอียดเพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่อายุ 40-60 กว่าเลยต้องบรรยายเรื่องเวลากินเวลานอน
เวลาเที่ยวกันละเอียดหน่อย ผู้ร่วมทางจะได้พิจารณาว่าไหวไหม สามารถร่วมทางได้มั๊ย
ราคา 29,000 บาทต่อคน เหลือไม่คืนค่ะ ทำบุญทั้งหมด จัดแบ่งถวาย 9 วัดที่เราแวะพัก แวะรับทานอาหาร
ชบา
[2009-06-03 09:55:52] mail not show
Comment : 3
รายละเอียดการเดินทางแบบละเอียดเลยนะคะ
โปรแกรมการเดินทางจาริกแสวงบุญ ปฏิบัติธรรม ณ.สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดียและเนปาล
ในดินแดนพุทธภูมิ ประเทศอินเดียและเนปาล ระหว่างวันที่ 6-13 ตุลาคม 2552
เส้นทาง กรุงเทพฯ กัลกัตตา ราชคฤห์ นาลันทา ไวสาลี ลุมพีนี กุสินารา สารนาถ
พาราณสี พุทธคยา กัลกัตตา กรุงเทพฯ
วันที่ 6 ตุลาคม 2552 ( สุวรรณภมิ กัลกัตตา )
13.00น.พร้อมกันที่สนามบินสวรรณภูมิ
15.00 น. เครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ รับทานอาหารว่างบนเครื่อง
16.00 น. (เวลาอินเดีย) ถึงสนามบินเมืองกัลกัตตา ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง
17.00 น. ออกเดินทางไปเมืองราชคฤห์ด้วยรถมินิบัส รับทานอาหารเย็น (1) บนรถ
วันที่ 7 ตุลาคม 2552 (ราชคฤห์ - นาลันทา - ไวลาลี )
06.00 น. ถึงราชคฤห์รับทานอาหารเช้า (2) จากนั้น
. เดินทางไปเขาคิชกูฏ
สถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญธรรมเพื่อกันมิให้พระเจ้าพิมพิสารฆ่านักโทษตามกบิลเมืองราชคฤห
์ มีพุทธสาวกมาปฏิบัติธรรมหลายองค์ เช่น พระสารีบุตร
พระโมคคัลลานะ พระอานนท์ สถานที่พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จมาจะทำแท้ง
และเป็นสถานที่พระเทวทัตกลิ้งหินหมายจะปลงพระชนม์พระศาสดา
และสะเก็ดหินทำให้พระโลหิตห้อคณะของเราสวดมนต์
นั่งสมาธิบนยอดเขาคิชกูฏ
11.00 น. กลับมารับทานอาหารกลางวัน (3) ที่ราชคฤห์ หลังอาหารร่วมกัน ถวายสังฆทาน
ผ้าไตรและปัจจัยแก่ทางวัดไทยสิริราชคฤห์เป็นวัดที่112.00 น. เดินทางไปวัดเวฬุวนาราม(วัดป่าไผ่)
ซึ่งเป็นวัดแรกในพุทธศาสนา และวัดเวฬุวนารามเป็นวัดที่พระภิกษุ ๑,๒๕๐
รูปมาเฝ้าพระพุทธองค์โดยมิได้นัดหมาย พระพุทธองค์จึงทรงเทศน์โอวาทปาฏิโมกข์ เป็นเสมือนหลักสูตร
และจรรยาบรรณครูเผยแผ่พระศาสนาคือ
๑.ครูต้องประพฤติปฏิบัติเบญจศีลโดยเคร่งครัด
๒.อริยสัจ๔อันมีทุกข์...สมุทัย...นิโรธ...และมรรค...เป็นเนื้อหาของหลักสูตร
๓. เป้าปฏิบัติปลายทางของหลักสูตรคือศิษยานุศิษย์ละเว้นความชั่วมัวหมองทั้งปวง กระทำความดี
และประพฤติกุศลธรรมให้จิต(ยิ้มแย้มแจ่มใส)บริสุทธิ์จากนั้นชมตโปทา บ่อน้ำร้อน ที่ไหลมาจากภูเขาเวภาระ
ท่านจะได้เห็นการถือชนชั้นวรรณะ อย่างชัดเจน ชนวรรณะสูงจะอาบน้ำ ณ ต้นน้ำ ชนวรรณะต่ำจะอาบน้ำ ณ
ชั้นล่างที่น้ำขุ่นคลักแล้ว อย่างไม่รังเกียจเดียจฉันท์
จากนั้นเดินทางต่อไป นาลันทา เข้านมัสการพระพุทธเจ้าองค์ดำ
ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากองค์หนึ่งที่แต่ละท่านปรารถนาอันใดมักจะสัมฤทธิ์ผลตามที
่ปรารถนานั้นทุกประการ มหาวิทยาลัยนาลันทาเก่าซึ่งยังคงมีร่องรอยแสดงความยิ่งใหญ่และโอฬารให้เห็นอยู่
18.00 น. ถึงเมืองไวสาลี (บางคนเรียกเวสาลี หรือ ไพสาลี) รับทานอาหารเย็น (4)
พักค้างคืนที่วัดไทยเวสาลี หลังอาหาร เชิญร่วมถวายผ้าไตร และปัจจัยให้กับวัดไทยไวสาลีเป็นวัดที่ 2
จากนั้นร่วมสวดมนต์ นั่งสมาธิก่อนนอน
วันที่ 8 ตุลาคม 2552 (ไวสาลี ลุมพีนี)
06.00 น. รับทานอาหารเช้า (5) หลังอาหารเดินทางไป
กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน ซึ่งกล่าวกันว่า
เป็นเจดีย์ที่พระเจ้าอโศกได้รวบรวมพระบรมธาตุทั้งหมดที่รวบรวมได้มาประดิษฐานบรรจุไว้ที่เจดีย์นี้
นอกจากนั้นที่นี้ยังมี เสาพระเจ้าอโศก ที่สมบูรณ์ที่สุดด้วย
รับทานอาหารกลางวันบนรถ (6) เมื่อถึงชายแดนอินเดียผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองไปประเทศเนปาล
18.00 น.ถึงวัดไทยลุมพีนี รับทานอาหารเย็น (7) เข้าที่พัก 19.00 น. เชิญท่านร่วมถวายสังฆทาน ผ้าไตร
และปัจจัยแก่วัดไทยลุมพีนี เป็นวัดที่ 3 จากนั้นนำท่านสวดมนต์ นั่งสมาธิ ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน
วันที่ 9 ตุลาคม 2552 (ลุมพีนี กุสินารา)
06.00 น. ตื่นนอน เก็บข้าวของ แล้วรับทานอาหารเช้า (
08.00 น. ไปสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ที่สวนลุมพีนีวัน สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
สถานที่แห่งนี้เป็นตำบลสำคัญหนึ่งในสี่
เราจึงจัดให้มีพระสงฆ์นำเพื่อที่จะปฏิบัติได้ถูกต้องเพื่อเป็นมงคลสำหรับตัวเราและครอบครัว
10.00 น. อำลาลุมพินี และประเทศเนปาล นำท่านเลือกซื้อ เลือกชมสินค้าในตลาดใหญ่เมืองชายแดน ไพราวา
ก่อนเดินทางข้ามแดน
กลับสู่แดนภารตะ
11.00 น. แวะทำบุญวัดสุขาวดี วัดนี้สุขาสวยหรูระดับห้าดาว สมชื่อวัด ใครผ่านไป
ผ่านมาแถวนี้เป็นต้องหยุด แวะทำบุญสร้างห้องน้ำ
ว่ากันว่าการสร้างห้องน้ำนี่ช่วยคน่ให้ได้พ้นทุกข์ทันตาเห็น
ยิ่งสร้างวัดในดินแดนพุทธภูมิด้วยแล้วกุศลแรงนัก รับทานอาหารกลางวันกันที่นี่ (9)
13.00 น. ร่วมกันถวายสังฆทาน ผ้าไตร และปัจจัย แก่วัดสุขาวดี เป็นวัดที่ 4 แล้วเดินทางไปกุสินารา
17.30 น. แวะนมัสการ มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระศพของพระพุทธองค์
18.00 น. ถึงวัดไทยกุสินารา รับทานอาหารเย็น (10)
19.00 น. ร่วมกันถวายสังฆทาน ผ้าไตร และปัจจัยวัดไทยกุสินารา เป็นวัดที่ 5 จากนั้นสวดมนต์
นั่งสมาธิ
แล้วสร้างเสริมบารมีโดยการเวียนประทักษิณรอบองค์พระเจดีย์ที่นี้ สัก 33 รอบ ก่อนเข้านอน
วันที่ 10 ตุลาคม 2552 (กุสินารา สารนาถ พาราณสี)
06.00 น. รับทานอาหารเช้า (11)
07.00 น.
เดินทางไปนมัสการ พระปรินิพพานเจดีย์ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน
ที่นี่คณะของเราจะถวายผ้าห่มพระพุทธรูปปางปรินิพพานด้วย พระสงฆ์นำสวดถวายผ้าห่มฯ สวดมนต์
และนั่งสมาธิ
09.00 น. ออกเดินทางไปสารนาถ
13.00 น. รับทานอาหารกลางวันที่วัดไทยสารนาถ (12)
หลังอาหารร่วมกันถวายสังฆทาน ผ้าไตรและปัจจัยแก่วัดไทยสารนาถ เป็นวัดที่ 6
14.00 น. เดินทางไป ธัมเมกขสถูป เจดีย์ที่แสดงพระปฐมเทศนา พระสงฆ์นำกล่าวคำบูชา ไหว้พระ สมาธิภาวนา
และเวียนเทียนที่นี่ด้วย จากนั้นนำเที่ยวสถานที่สำคัญทางศาสนาต่าง ๆ โดยรอบ ชมสวนกวาง
ท่านสามารถซื้ออาหารให้กวางได้ด้วย มีนกยูงให้ดูชมด้วย ออกจากป่าอิสิฯก็ต่อไปนมัสการ นิวมูลคันธกุฎี
ซึ่งชาวศรีลังกาสร้างขึ้นมาใหม่ จำลองรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนพระมหาเจดีย์พุทธคยา
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองปางปฐมเทศนา ว่ากันว่างดงามเกินบรรยาย
16.30 น. เดินทางไปพาราณสี เพื่อ ล่องแม่น้ำคงคา เพื่อชมวัฒนธรรมประเพณีชาวฮินดู เช่น
วิธีการอาบน้ำล้างบาป การเผาศพข้างแม่น้ำ พร้อมการจัดทำฟาก 7 ซี่ หามศพ พิธีเอาศพจุ่มน้ำ
หรืออาจจะได้เห็นการเอาศพถ่วงน้ำ ซึ่งมีศพ 5 ชนิดไม่ถูกเผา จะถูกถ่วงน้ำอย่างเดียวคือ เด็ก
สาวพรหมจารี สาธุนักบวช ผู้ถูกงูกัด และ ผู้ถูกฟ้าผ่า
19.00 น. รับทานอาหารเย็น (13)
วันนี้จัดให้ท่านรับทานอาหารอินเดียริมแม่น้ำคงคา จากนั้นนำท่านเข้าพักในวัดจีน สวดมนต์ นั่งสมาธิ
ก่อนเข้านอน
วันที่ 11 ตุลาคม 2552 (พาราณสี พุทธคยา)
06.00 น. รับทานอาหารเช้า (14) จากนั้น
พาท่านไปกระทบไหล่คนท้องถิ่นกันที่ ตลาดสด แล้วเปลี่ยนบรรยากาศไปชมพระราชวังและพิธภัณฑ์ราม นาการ์
มหาวิทยาลัยพาราณสี วัดฮินดู
11.00 น. รับทานอาหารกลางวัน (15) หลังอาหารหลังอาหาร ร่วมกันถวาย
สังฆทาน ผ้าไตรและปัจจัยแก่วัดจีน เป็นวัดที่ 7
17.00 น. ถึงวัดไทยพุทธคยา เชิญเข้าห้องพัก พักผ่อน
18.00 น. รับทานอาหารเย็น (16) จากนั้น
นำท่านไปวัดพระศรีมหาโพธิ์ พระสงฆ์นำกล่าวคำบูชาองค์พระเจดีย์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
เวียนรอบองค์พระเจดีย์และพระศรีมหาโพธิ์ 3 รอบ ฟังธรรมบรรยาย สวดมนต์นั่งสมาธิ
กราบนมัสการพระพุทธเมตตร ซึ่งประดิษฐานในองค์เจีดีย์ จนถึงเวลาปิด คือ 21.00 น.
วันที่ 12 ตุลาคม 2552 (พุทธคยา - กัลกัตตา)
07.00 น. รับทานอาหารเช้า (17)
08.00 น. เดินทางไปชมเจตยานุสรณ์บ้านนางสุชาดา อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเนรัญชรา
จากจุดนี้สามารถมองเห็นภูเขาดงคสิริ ที่บำเพ็ญทุกกรกิริยาของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้
09.30 น.
เที่ยวชมวัดหลากหลายสัญชาติ หรือที่เรียกวันว่าวัดนานาชาติ จะพาชมเฉพาะวัดเด่น ๆ เช่น วัดภูฐาน
วัดญี่ปุ่น วัดเกาหลี วัดพม่า วัดทิเบต
12.00 น. รับทานอาหารกลางวัน (1
13.00 น.
นำท่านไปกราบลาพระพุทธเมตตา ต้นพระศรีมหาโพธิ์
15.00 น. ร่วมกันถวายสังฆทาน
ผ้าไตรและปัจจัยแก่วัดไทยพุทธคยา เป็นวัดที่ 8
17.00 น. รับทานอาหารเย็น (19)
18.00 น. ออกเดินทางไปกัลกัตต้า 22.00 น.
ใครหิวมีข้าวต้มรอบดึกบริการบนรถอีกรอบ (20)
วันที่ 13 ตุลาคม 2552 ( กัลกัตตา สุวรรณภูมิ )
05.00 น. ถึงกัลกัตตา ล้างหน้าล้างตา
แล้วรับทานอาหารเช้าที่วัดไทยเบงกอล (21) ร่วมกันถวายสังฆทาน ผ้าไตรและปัจจัยแก่วัดไทยเบงกอล
เป็นวัดที่ 9
06.00 น. ออกเดินทางไปสนามบินกัลกัตตา
9.25 น. เครื่องบินออกจากสนามบินกัลกัตตา รับทานอาหารว่างบนเครื่อง13.35 น.
เครื่องบินถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ชบา
[2009-06-03 09:56:44] mail not show
Comment : 4
สนใจร่วมบุญ เชิญเดินทางร่วมกันนะคะ ติดต่อชบาได้ตลอดค่ะ
โทร 081 381 8172
หรือ
[email protected]
หวังว่าจะได้เดินทางร่วมกันนะคะ
เดินทางในอินเดียด้วยรถมินิโค๊ช ติดแอร์ตลอด
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 29000 จะรวม ทุกอย่างคือ
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ
ค่าวีซ่าอินเดีย เนปาล
ค่าประกันอุบัติเหตุ
ค่ารถมินิโค๊ชปรับอากาศ ค่าผู้ดูแลนำทางพูดไทยได้ ค่าคนขับ เด็กรถ
ค่าอาหาร 21 มื้อ
ค่าที่พัก
ค่าของว่างระหว่างเดินทาง น้ำดื่ม
ค่าชำระหนี้สงฆ์ ที่สมควรไม่เอาเปรียบวัด
ปัจจัยที่เหลือเฉลี่ยทำบุญ 9 วัด ค่าพระวิทยากรนำปฏิบัติธรรม
เราจะนำผ้าไตร 9 ไตรไปจากเมืองไทยด้วย
ในภาพจะเป็นตัวอย่างที่พักที่ทางวัดต่าง ๆจัดไว้รับรองผู้แสวงบุญ บางแห่งไม่มีเตียง
แต่มีที่นอนฟองน้ำปูที่พื้นให้ค่ะ
น่าจะสะดวกพอควรทีเดียว
ชบา
[2009-06-03 10:04:16] mail not show
Comment : 5
ชบา ปีนี้ 2560 มีจัดอีกหรือเปล่า
Post by : Som [2017-11-04 21:01:03]
Page
1
Reply
Picture :
You can not Allow
register ClickHere
|
login
Not readable? Change text.
*
Name :
*
E-mail :
Tel :
ICQ :
Detail :
*
*
dentist bangkok
|
implant bangkok
|
veneer bangkok
|
implant thailand
|
dentist sukhumvit
|
dental sukhumvit
|
fast braces bangkok
|
tooth whitening bangkok
|